บันทึกการเดินทาง > ขึ้นภูกระดึง (13-15 ตุลาคม 2561) EP.2
วันที่สองบนภูกระดึง (ตรงกันวันที่ 14 ต.ค. 2561)
เรามีนัดกับดวงตะวันที่ผานกแอ่น
ตื่นตี5 ล้างหน้าล้างตาออกมารวมพลกันที่จุดนัดหมาย
แล้วเดินเท้ามาทางทิศตะวันออก โดยการนำทางของเจ้าหน้าที่
บางคนตื่นเช้ากว่าวันไปทำงานซะอีก
ตี5 40 นาที ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตา รอรับอรุณวันใหม่ไปพร้อมๆ กัน
บรรยากาศดีสมราคาเหนื่อย คุ้มค่ากับการฝืนตัวเองลุกจากที่นอนอุ่นๆ
กับสถานที่สุดคลาสิคบนยอดภู ผานกแอ่น
แสงของวันใหม่ พร้อมมอบพลังให้แก่สิ่งมีชีวิตบนโลก
ตั้งใจตื่นมาขนาดนี้แล้ว จะให้ลืมถ่ายป้ายก็ใช่เรื่อง
เพราะป้ายกับวิว คือสิ่งที่ใช้อวดเพื่อนได้ดีในฟน้าฟีด
หลังจากชาร์ตพลังด้วยแสงอาทิตย์จนเต็ม 100%
ได้เวลาเดินทางกลับฐานที่มั่นครับ
ขากลับได้เดินชิวๆ slow life ไม่ใช่อะไรหรอก...ง่วงและยังงัวเงียมากกว่า
กลับมาถึง Base camp ล้างหน้าล้างตาอีกรอบ แต่ไม่อาบน้ำหรอกเพราะอากาศเย็นเกินไป
แต่งตัวใส่เสื้อผ้าใหม่ หวีผมนิดหน่อยก็พอแล้ว
ก่อนออกจากเต็นท์เพื่อไปทานข้าว
มี2หนุ่มในทีมก่อม๊อบ เก็บข้าวของเตรียมลงเขา
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใด ก็ขอให้นายโชคดี และเดินทางปลอดภัย ช้างไม่ไล่เหยียบละกัน
ก่อนออกเดินเที่ยวป่าในวันนี้ เราแวะมาทานข้าว
และตระเตรียมเสบียง สำหรับการเดินทางไกล
นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ เหมือนขึ้นมาแย่งกันกินแย่งกันใช้
ราคาอาหารบนภูกระดึง สูสีกับราคาอาหารใน กทม. เลยนะครับ
แต่ด้วยบรรยากาศและยิ่งได้มานั่งทานกับเพื่อนๆ
ก็ถือว่าคุ้มค่า
ภาพบรรยากาศกลุ่มเต็นท์หน้าร้านค้าครับ
กางเต็นท์แถวนี้ ใกล้ของกิน ใกล้ห้องน้ำ แถมบางร้านมีน้ำอุ่นให้อาบด้วยนะ
ทานข้าวเสร็จ มาดูแผนที่และเตรียมตัวออกเดินทาง
จุดแรกที่จะไปก็คือ น้ำตกวังกวาง ครับ
สำหรับเส้นทางเดินป่า เราจะเดินรอบเป็นวงกลม
โดยยอดภูกระดึง จะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ
เราจะสามารถเข้าไปเดินเที่ยวได้ประมาณ 50% ของพื้นที่
เนื่องจากพื้นที่อีกส่วนหนึ่งนั้น จะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าครับ
การเดินป่าภูกระดึงในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้
เราก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากครับ สำหรับใครที่กลัวว่าตัวทากจะมารบกวน
ก็ให้สวมใส่ชุดที่มิดชิด หรือฉีดสเปรย์ฉุน พ่นบริเวณเท้าและปลายขากางเกง
แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสก็ลุยโลดครับ ทากไม่เยอะ แต่ก็มีพอให้ได้ระแวงบางช่วงครับ
ถึงแล้วครับ น้ำตกวังกวาง (13/11/2561)
จากน้ำตกวังกวาง เราออกเดินกันต่อ
จุดหมายต่อไปที่ใกล้ที่สุดคือ ทางแยกครับ
มีป้ายเตือน ระวังช้างป่า พอให้ได้ตื่นเต้นครับ
ช่วงเวลากลางวันแบบนี้คงนอนหลับสบายอยู่
มาถึงทางแยก ก็จะมีป้ายบอกทางไปยังจุดที่สำคัญต่างๆ
จุดแรกที่ใกล้ที่สุดคือ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ครับ
ปกติแล้วเวลาที่ผมมาเที่ยว จะไม่มีคนเดินเยอะแบบนี้
อาจจะเป็นเพราะเรามาตรงกับช่วงวันหยุด
นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินป่าเขาเป็นประจำ ก็จะเตรียมตัวมาค่อนข้างดีเลย
สังเกตจากการแต่งกาย และอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ
มาถึงน้ำตกเพ็ญพบใหม่ ข้างในค่อนข้างคึกคักและคนเยอะเป็นพิเศษ
เราลองเข้าไปดูตัวน้ำตกกันนะครับ
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ภูกระดึง 2561
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน เพราะบรรยากาศดีจริงๆ
ด้วยอากาศที่เย็นสบาย เสียงน้ำในลำธารไหล เสียงน้ำตกกระทบโขดหินด้านล่าง และยังมีเสียงนกร้อง
ทำเอาผมและเพื่อน ไม่อยากลุกไปจากจุดนี้เลย
จากน้ำตก เราเดินลัดเลาะไปตามลำธาร
ซึ่งเป็นเส้นทางพาเราไปสู่น้ำตกในจุดต่อไป
เดินไปตามสายน้ำแห่งชีวิต
สายน้ำที่หล่อเลี้ยงหลายๆ ชีวิตบนภูเขาลูกนี้
น้ำตกโผนพบ (Phonpob Waterfall)
เดินมาได้พักใหญ่ๆ เริ่มรู้สึกหิว เลยตกลงกันว่าจะแวะพักกินข้าวก่อน
พอได้มุมดีๆ ก็รีบจัดการกับเสบียงที่ติดตัวมา
เมนูส่วนตัวของผมคือ ข้าวเหนียวหมูทอดกระเทียม และน่องไก่ทอด
ทานข้าวไป นั่งฟังเสียงนกเสียงลำธาร
มีความสุขจริงๆ เลย
ทานอาหารกลางวันจนอิ่มกันเรียบร้อย
ก็ออกเดินกันต่อไป จุดหมายเราคือ น้ำตกถ้ำใหญ่
มาถึงทางแยก ทางนึงไปน้ำตกถ้ำใหญ่ และอีกทางตามลำธารไป
แต่ไม่รู้ว่าไปไหน ไม่มีป้ายบอก
เราต้องเดินต่อไปอีก 1กิโลนิดๆ ก็จะไปถึง น้ำตกถ้ำใหญ่
น้ำตกถ้ำใหญ่ (Thamyai Waterfall)
เดินเลยน้ำตกมาประมาณ 100 เมตร ก็จะขึ้นมาสู่พื้นราบ
จากป้ายบอกทาง ถ้าเราเดินกลับศูนย์เลย ก็ไม่ไกลมาก แค่กิโลกว่าๆ
แต่เราจะเดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก
เราต้องเดินกันต่อแล้ว
เปลี่ยนบรรยากาศจากน้ำตกลำธาร ออกมาสูดอากาศกับทุ่งหญ้ากว้างๆ บ้าง
บ่ายสองจะครึ่งแล้ว ยังเหลือระยะอีกตั้งเกือบ 8กิโลเมตร
ยังไงก็ต้องไปให้ทัน เพราะโอกาสจะขึ้นมาเที่ยวภู ไม่ได้มีบ่อยๆ
ยิ่งเข้าใกล้ผาหล่มสัก เราก็ยิ่งห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวออกไปทุกขณะ
มาถึงสระอโนดาดแล้ว คร้าบบบ
เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กำลังออกตรวจตามเส้นทางเดินป่า
และแจ้งว่าให้พวกเรารีบเดินกันหน่อย พร้อมกับแนะนำเส้นทางลัดให้ด้วย
สภาพทางเดินบางช่วง ก็จะประมาณนี้ครับ
อาจจะเลอะๆ ลื่นๆ หน่อย ใครใส่รองเท้าสวยๆ มาก็ทำใจไว้เลย
เห็นปลายทางเป็นพื้นที่โล่งๆ แบบนี้ก็ดีใจ
แสดงว่าเราเดินมาถึงบริเวณหน้าผาแล้ว
ร้านขายของชำ บริเวณผาแดงครับ
มาดูวิวที่ผาแดงกันบ้างครับ
เวาะซื้อน้ำกินที่ผาแดง แล้วก็ออกเดินไปยัง ผาหล่มสัก
วิวระหว่างทางไปผาหล่มสัก
ทางเดินไปผาหล่มสัก จะเป็นทางเลาะเลียบขนานหน้าผา
เราสามารถพบเจอวิวแบบนี้ได้ตลอดทางครับ
17.10 นาที เดินมาถึงผาหล่มสัก จุดหมายของเราสำหรับวันนี้ครับ
ดูคนสิครับ เยอะมากๆ ไม่รู้หลั่งไหลกันมาจากที่ไหนบ้าง
แต่ผมคิดว่าจุดประสงค์ของแต่ละคนก็คงจะไม่ค่อยแตกต่างกัน
การได้มานั่งโง่ๆ ดูพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท่ามกลางป่าเขาเช่นนี้ มันเป็นอะไรที่ ...
อธิบายไม่ได้ครับ ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง
ถ้าพูดถึง ผาหล่มสัก แน่นอนว่าถ้าใครได้มาถึงแล้ว ก็คงไม่อยากพลาดถ่ายรูปคู่กับต้นสนต้นนี้
เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึงเลย
จากผาหล่มสัก เดินย้อนมาตามเส้นทางขากลับ
ก่อนจะถึงผาแดง จะมีหน้าผาหินให้ถ่ายรูป วิวไม่แพ้ที่ผาหล่มสักเลยครับ
ระยะทางจากผาหล่มสัก เดินกลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
รวมระยะทาง 9 กิโลเมตร นึกแล้วก็อยากเกาะรถไปด้วยจัง
เดินมาถึงผาเหยียบเมฆ ก็รีบอุดหนุนร้านค้าทันที
นั่งพักอยู่สองนาน ถึงเวลาเดินทางต่อ
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว รีบเดินก่อนที่แสงสว่างของวันจะหมดไป
ทางเดินกลับ เป็นเส้นทางเลียบขนานไปกับหน้าผา มีเสาไฟโซล่าเซลล์อยู่เป็นระยะ
คอยช่วยส่องสว่างตลอดทาง
พอฟ้าเริ่มมืด ก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย
และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไฟฉายครับ
มาถึงผาหมากดูก ขอเก็บภาพปิดท้ายของวัน
ด้วยภาพบรรยากาศท้องฟ้า และแสงดาวมาฝากเพื่อนๆ ครับ
สรุประยะทาง การเดินทัวร์รอบภูกระดึงของวันนี้ครับ
วันที่ 14 วันเดียว รวมระยะทาง 27 กิโลเมตร ช่างเป็นวันพักผ่อนที่เดินไกลเอามากๆ
เช้าของวันที่ 15 คือวันเดินทางกลับของเราแล้ว
เราตื่นแต่เช้า มาทานข้าวกันก่อนเลย
อาหารเช้าของเรา เมนูธรรมดาๆ ราคาพิเศษ แถมอร่อยมากอีกด้วย
ทานข้าวเสร็จ ต่อด้วยข้าวจี่ชุบไข่สักไม้
แวะมาซื้อโปสการ์ดที่ร้านขายของที่ระลึกสักใบสองใบ
ประทับตราแล้วส่งกลับไปที่บ้าน
กลับมาเก็บข้าวของ พับเต็นท์เก็บส่งคืนเจ้าของ
เตรียมตัวเดินทางลงเขา
ขอจบบันทึกการเดินทาง "ขึ้นภูกระดึงปี 3" ของผมและเพื่อนไว้เพียงเท่านี้
ขอให้ท่านผู้อ่านสนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวของตัวเองนะครับ
สวัสดีครับ
คลิปการเดินทาง