บันทึกการเดินทาง > ขึ้นดอยสุเทพ เชียงใหม่ (ก.ย.2559)
กราบสวัสดีแฟนเพจทุกท่าน ย่างเข้าเดือน9 ฝนก็ยังตกพร่ำๆ กบเขียดมันร้องฮึมฮัม ..โอ้เย้
สืบเนื่องมาจาก ผมได้เดินทางไปทำธุระที่จังหวัดลำพูน เลยจัดทริปเล็กๆ ทริปหนึ่งที่เชียงใหม่
การเดินทางในทริปนี้ผมใช้รถส่วนตัวครับ ออกจาก กทม.ในช่วงสาย ของวันเสาร์ที่ 10
ขึ้นทางด่วนจากแยกบางนา ขับยาวไปดอนเมือง รังสิตไปลงสุดสาย จ่ายค่าทางด่วนไปทั้งหมด 150 บาท ครับ
มุ่งหน้าสู่นครสวรรค์โดยใช้เส้นทางสายหลัก กรุงเทพ บางปะอิน อยุธยา อ่างทอง
ถึงอ่างทอง แวะพักรถ เข้าห้องน้ำ และเติมน้ำมัน 800 บาท ก่อนออกเดินทางต่อครับ
แป๊บเดียวก็เข้าเขตจังหวัดอุทัยธานีแล้ว เดินทางช่วงหน้าฝน ช่วงโลว์ซีซั่น นอกจากการจราจรจะไม่หนาแน่นแล้ว
อากาศก็ไม่ร้อนอีกด้วย ถนนโล่งๆ แบบนี้ก็ขับรถชิลเลยครับ
จากเมืองอุทัยธานี ก็เข้านครสวรรค์ครับ แน่นอนผมจะไม่เข้าในตัวเมือง จะใช้ทางเลี่ยงเมืองแทน
สำหรับทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ขาขึ้นนั้น ถนนยังคงเป็นวิบากกรรมของชาวเราอยู่
หลังผ่านศึกจากถนนทางเลี่ยงเมือง ได้พักหายใจหายคอกันได้ไม่นาน ก็ต้องเจอกับทางวิบากอีกรอบ
ถนนเส้นกำแพงเพชร-ตาก ที่ยังคงมีช่วงถนนปรับปรุง และไม่ได้ปรับปรุง พร้อมสลับทางเบี่ยงวิ่งสวนเลน
คราวนี้ระยะทางวิบากกรรมยาวกว่าเดิม เพิ่มเติมคือทางเบี่ยง รถเก๋งนี่ช่วงล่างไม่รอดแน่ เว้นแต่คลานเหมือนเต่า
เมื่อหลุดพ้นจากสภาพถนนที่ย่ำแย่ยับเยิน เราก็มาถึงจังหวัดตาก และได้เวลาแวะรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว
เราแวะเข้าไปที่ห้างฯโลตัส ซื้อของใช้นิดหน่อย
และถือโอกาสนี้พักรถ พักช่วงล่างกันสัก 1 ชั่วโมง
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง โดยถนนหมายเลข 1 (พหลโยธิน)
ยาวไปถึงถึง อ.เถิน เสร็จแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข (106) เถิน-ลี้ เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางแรกของวันนี้
ถนนสายเถิน ลี้ เป็นทางคดเคี้ยวบนเขา ไม่ค่อยมีรถสัญจร ส่วนใหญ่จะเป็นรถโดยสารสองแถว รถตู้
นานๆ จะเห็นรถทัวร์วิ่งผ่าน นอกนั้นก็รถตลาด รถบรรทุก เนื่องจากถนนสายนี้ ช่วงบนเขาจะแคบมาก
ข้างทางเหวลึก ดังนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แนะนำว่าหากจำเป็นต้องมาทางนี้ ก็มาให้ทันช่วงก่อนค่ำจะปลอดภัยกว่า
เมื่อลงเขาเถิน ขับรถต่ออีกประมาณ 20กิโลเมตร ก็ถึงที่พักนั้นคือ บ้านคุณยายของผมเองครับ
วันนี้การเดินทางคงสิ้นสุดลงแค่นี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อ สำหรับค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ
รุ่งเช้าวันที่ 11 คุณยายและป้า ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ เพราะรู้ว่าหลานจะออกเดินทาง มีไข่ทอด แกงฮังเลไก่ หน่อไม้บ้าน น้ำพริกกะปิ แกงขนุน
ในขณะที่ผมนอนอยู่บนที่นอนนั้น ก็ได้กลิ่นโชยมาแต่ไกล ผมไม่รอช้า รีบลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัว มานั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
ต้องยอมรับว่าฝีมือการทำอาหารพื้นบ้านของคุณยายและคุณป้านั้น ไม่เคยลดลงเลย ลำแต้ๆ เหมือนเดิม
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็เช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางอีกครั้ง ดูเรือนไมล์ เข็มน้ำมัน น่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางในวันนี้
การเดินทางในวันนี้ ใช้ถนนหมายเลข 106 ลี้-ลำพูน ซึ่งเป็นถนนสองเลน สองข้างทางสลับป่าบ้าง เปลี่ยวบ้าง
ถนนสายนี้ลาดยางตลอดเส้น มีแค่บางช่วงที่รอการปรับปรุง บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นครับ ขับเพลินๆ
เส้นทางสายนี้ บรรยากาศเงียบเหงาจริงๆ ฝนก็โปรยปราย เพื่อนร่วมทางก็น้อยเหลือเกิน
เมื่อมาถึงตัวเมืองลำพูน ผมก็ขับรถมุ่งหน้าผ่าเมือง กะจะแวะสักการะพระธาตุหริภุญชัยสักหน่อย
แต่ดูแล้วผู้คน และ นทท.หนาแน่นมาก ที่จอดรถก็ไม่ค่อยจะมี ผมจึงไม่ได้แวะ ขับเลยออกไป
แต่แอบมองเห็นกำแพงเก่าๆ และพอดีบริเวณนั้นมีที่จอด ก็ถือโอกาส จอดรถลงมาเก็บภาพ
ด้านหน้าของประตูท่านาง จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ อดีตนั้นจะเป็นท่าเทียบเรือติดต่อค้าขาย
ปัจจุบันเป็นจุดชมวิว มีทางเดินริมน้ำทอดยาว ให้คนเดินหรือนั่งพักผ่อนกับธรรมชาติริมน้ำ
อีกมุมคลาสสิค ของประตูท่านาง ยืนถ่ายรูปแป๊บเดียว สายฝนเริ่มโปรยปรายอีกครั้ง ผมเลยต้องรีบถ่ายภาพรีบกลับขึ้นรถ
ถึงเวลาต้องเดินทางต่อ ด้วยเหตุผลทางเทคนิค ผมจึงไม่ได้แวะเข้าไปสักการะพระธาตุ แต่สัญญาว่าในอนาคตจะกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้
จากหน้าวัดช้างรอง (ตรงข้ามกับประตูท่านาง) ขับรถออกมาจากตัวเมืองลำพูน แล้วตัดออกถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-เชียงใหม่
เพื่อขับต่อไปยังจุดมุ่งหมายต่อไป
เข้ามาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ก็จะเจอป้ายบอกทางไปดอยสุเทพอยู่ตลอดทางครับ ขับตามป้ายไปโลดด
ขับเพลินๆ จนมาถึงด้านหน้าห้างฯ เมญ่า
ก็ให้เลี้ยวขวาไปตามป้าย บริเวณนี้ รถจะติดมากในวันหยุด ยิ่งเป็นช่วงเทศกาล หากเดินทางด้วยรถยนต์
ก็เตรียมเสื่อมาปูนอนรอไฟเขียวได้เลย
ผ่านแยกนี้ไป ก็จะเจออีก 2ไฟแดง ก่อนจะถึงทางขึ้นเขาไปบนดอยสุเทพ ซ้ายมือจะเจอมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
และสวนสัตว์เชียงใหม่ ตามลำดับ
สำหรับ นทท. ที่ไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเอง สามารถเช่ารถมอเตอไซค์ หรือจะนั่งรถสองแถวแดงขึ้นดอยก็ได้
ทางขึ้นดอยมีรถรับจ้างให้บริการแบบครบๆ จบที่เดียว
แต่สำหรับผม วันนี้เอาราชรถมาเอง เริ่มต้นด้วยการลงเกียร์ต่ำก่อนทะยานขึ้นเขา ฮึบๆ
ถึงบริเวณจุดบริการ นนท. แล้ว ก็หาจอดรถได้
แต่ในวันนี้ฝนตกตลอดวัน ที่จอดรถที่จัดไว้ให้นั้นค่อนข้างชื้นและแฉะ เต็มไปด้วยดินโคลน ทางลงก็ชันมาก
ผมจึงขับเลยที่จอดรถไป แล้วก็จอดข้างทาง
แบบในภาพแหละครับ
จอดรถแล้วเดินลัดเลาะมาตามถนน ก็จะเจอร้านจำหน่ายของที่ระลึกหลายร้าน
ใครที่นั่งรถสองแถวแดงขึ้นมา รถจะมาจอดส่งถึงบันไดทางขึ้นดอยเลยครับ สะดวกมากๆ
เมื่อเดินมาถึงชายบันได มองขึ้นไปข้างบนก็ไม่ได้ไกลมาก วัยจ๊าบอย่างผมก็ walking สบายๆ ล่ะครับ
เดินขึ้นมาถึงหน้าวัดแล้ว ครับผม
สำหรับบริเวณชั้นในที่เป็นที่ตั้งพระธาตุ ผู้ที่จะเข้าไปด้านในเขตพระธาตุ จะต้องแต่งกายสุภาพเหมาะสม
ถ้าใส่กระโปรงหรือเกงเกงก็ต้องยาวเลยหัวเข่าลงไป ถ้าใส่สั้นแล้วอยากเข้าไปด้านใน
ที่ด้านหน้าวัดจะมีผ้าถุงให้เช่าบริการครับ
ถอดรองเท้า แล้วเดินเข้าไปภายใน ก็เช่นเคยครับ สวยงามตามท้องเรื่อง
ในอดีตผมเคยมีไหว้พระธาตุกับครอบครัวแล้ว ครั้งนั้นยังเด็ก แต่ครั้งนี้ เป็นวัยจ๊าบ
เดินชมภายในพระธาตุจนหมดทุกซอกมุม ผมก็เดินออกมาภายนอกแล้วอ้อมไปทางด้านหลัง
และก็เจอกับวิวธรรมชาติมุมนี้ คล้ายๆ กับมุมหนึ่งที่ภูกระดึง ผมไม่รอช้าหยิบกล้องขึ้นมา ทำท่าปรับจูนเล็กน้อย
ก่อนลั่นชัตเตอร์เก็บภาพนี้มาฝากครับ
เดินต่อมาอีกนิด จะพบกับจุดชมวิวของวัดดอยสุเทพ บรรยากาศวันนี้ ท้องฟ้ามีเมฆหลังฝน ไม่มีแดดให้ระคายผิว
เมื่อมองลงไปด้านล่าง สามารถมองเห็นบ้านเรือนในตัวเมืองเชียงใหม่ สนามบิน ละก็.. หัว นทท.
ในวัยเยาว์ ผมก็เคยมาวัดดอยสุเทพนะ แต่ก็ไม่เคยได้มายืนชมวิวแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะตอนนั้น
ยังสนใจแต่ของเล่น เป่ากบ กระโดดยาง ฯลฯ
แต่ในวันนี้ผมได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกเดินทาง ผมจะมองหาแต่สาวสวย เอ้ย!! วิวสวยๆ แบบนี้ไง
วิวดีๆ อากาศดีๆ ต้องรีบซึมซับบรรยากาศเอาไว้ ก่อนจะกลับเข้าไปเจออากาศแย่ๆ ในเมืองหลวง
โอ้ยยย จี๊ดเลยพูดถึงเมืองกรุง
ภาพพระธาตุจากมุมจุดชมวิว แชะๆ ไว้สักหน่อยก่อนกลับ
ชีวิตคนก็เหมือนกับบั๊งไฟ แม้จะทะยานขึ้นอย่างสง่างามแค่ไหน สุดท้ายก็กลับสู่ภาคพื้นดิน ถ้าไม่แตกซะก่อน
ขากลับลงมาจากวัด ท้องก็ร้องบ่น หิวข้าวๆ ผมเลยจัดให้ 1ดอกเพื่อเป็นการสั่งสอน
นี่เลย ข้าวซอยรสแซบ จัดไป 1 ชามโตๆ
ทานอาหารเสร็จ ก็ได้เวลาออกรถ เดินทางกลับบ้าน บ๊ายบาย
แล้วพบกันใหม่.. ดอยสุเทพ